พลาสติกวิศวกรรม Engineering Plastic

พลาสติกวิศวกรรม (Engineering Plastic) คือ

พลาสติกวิศวกรรม (Engineering Plastic) คือ กลุ่มของพลาสติกที่มีคุณสมบัติเหนือกว่าพลาสติกทั่วไปในด้านความทนทาน ความแข็งแรง ความทนต่ออุณหภูมิสูง การทนต่อสารเคมี และการสึกหรอ วัสดุเหล่านี้ถูกออกแบบมาเพื่อใช้ในงานที่ต้องการความแม่นยำและประสิทธิภาพสูง เช่น ชิ้นส่วนเครื่องจักรกล อุปกรณ์ไฟฟ้า ยานยนต์ และอิเล็กทรอนิกส์ พลาสติกวิศวกรรมมีหลายประเภท เช่น โพลีอะซีตัล (POM), โพลีคาร์บอเนต (PC), โพลีเอไมด์ (ไนลอน, PA), และพอลิอีเทอร์อีเทอร์คีโตน (PEEK) โดยแต่ละประเภทมีคุณสมบัติที่เฉพาะเจาะจงและสามารถนำไปใช้ในงานต่างๆ ตามความเหมาะสมของคุณสมบัตินั้น ๆ

พลาสติกวิศวกรรม
example Engineering Plastic
example Engineering Plastic (2)
example Engineering Plastic (3)
Plastic Engineering
พลาสติกวิศวกรรม

สอบถามข้อมูล สั่งซื้อสินค้า ขอใบเสนอราคา

  • LINE ID: @PST4545
  • Facebook : Zigma Flow
  • Email : zigmaflow.info@gmail.com
  • Tel : 089-128-7330 , 096-020-2922
  • บริษัท ซิกม่าโฟลว์ เซ็นเตอร์ จำกัด
    24 ซอยประชาชื่นนนทบุรี 6 ต.บางเขน อ.เมืองนนทบุรี จ.นนทบุรี 11000
หมวดหมู่สินค้าเพิ่มเติม
ZigmaServices

คุณสมบัติ พลาสติกวิศวกรรม (Engineering Plastic)

พลาสติกวิศวกรรม (Engineering Plastic) มีคุณสมบัติที่โดดเด่นหลายประการ ทำให้เหมาะสมกับการใช้งานในอุตสาหกรรมที่ต้องการความทนทานและประสิทธิภาพสูง คุณสมบัติหลักมีดังนี้:

  • ความทนทานต่อแรงดึงและแรงกระแทกสูง: มีความแข็งแรงและสามารถทนต่อแรงดึงและแรงกระแทกได้ดี ทำให้สามารถใช้งานในสภาพแวดล้อมที่ต้องการความทนทานสูง
  • ความทนทานต่ออุณหภูมิสูง: พลาสติกวิศวกรรมหลายชนิดสามารถทนทานต่ออุณหภูมิสูงได้ โดยไม่เสียรูปหรือเสื่อมสภาพ ทำให้เหมาะสมกับการใช้งานในสภาพแวดล้อมที่มีความร้อนสูง
  • ความทนทานต่อสารเคมี: มีความทนทานต่อสารเคมีหลากหลายชนิด เช่น กรด เบส และตัวทำละลาย ซึ่งทำให้เหมาะสมกับการใช้งานในอุตสาหกรรมเคมี
  • การทนต่อการสึกหรอ: สามารถทนต่อการสึกหรอและการเสียดสีได้ดี ทำให้เหมาะสมกับการใช้งานที่มีการเคลื่อนไหวหรือสัมผัสบ่อยๆ
  • ความเสถียรทางมิติ: มีความเสถียรทางมิติสูง ไม่บิดเบี้ยวหรือหดตัวมากเมื่อต้องเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิหรือความชื้น
  • ความสามารถในการขึ้นรูป: สามารถขึ้นรูปได้หลากหลายวิธี เช่น การฉีดขึ้นรูป การหล่อ และการอัดรีด ทำให้สามารถผลิตชิ้นส่วนที่มีรูปทรงซับซ้อนได้
คุณสมบัติพลาสติกวิศวกรรม

ข้อเสีย พลาสติกวิศวกรรม (Engineering Plastic)

  1. ราคาสูง: บางชนิดของพลาสติกวิศวกรรมมีราคาสูงกว่าวัสดุอื่น ๆ อย่างเช่น โพลีอีเทอร์อีเทอร์คีโตน (PEEK) หรือ พอลีเอียเทอร์เอทีลีน (PETG) ซึ่งอาจทำให้มีค่าใช้จ่ายสูงกว่าในการใช้งาน
  2. การมีสารพิษ: บางชนิดอาจมีสารพิษที่ปล่อยออกมาเมื่อถูกตัดและเจาะ ซึ่งอาจเป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของมนุษย์ จึงต้องใช้ความระมัดระวังในการจัดการ
  3. การทนทานต่ำต่อแสงแดด: บางชนิดอาจไม่ทนทานต่อแสงแดดในระยะยาว ซึ่งอาจทำให้เสื่อมสภาพและเสียสีได้
  4. การทนทานต่ำต่อความเสียหายด้วยทราย: บางชนิดมีความอ่อนแอต่อการกระแทกด้วยทรายหรือวัตถุแห้งอื่น ๆ ที่มีความแข็งแรง
  5. อุณหภูมิการทำงานจำกัด: บางชนิดไม่ทนต่ออุณหภูมิสูงหรือต่ำ ซึ่งอาจทำให้มีข้อจำกัดในการใช้งานในสภาพแวดล้อมที่มีอุณหภูมิส่งเสริม
  6. ความไวต่อการสึกหรอ: บางชนิดอาจมีความอ่อนแอต่อการสึกหรอ ซึ่งอาจทำให้ไม่เหมาะสมสำหรับงานที่ต้องการความแข็งแรงและทนทานต่อการกัดกร่อน

พลาสติกวิศวกรรม มีอะไรบ้าง ?

พลาสติกวิศวกรรมมีหลายประเภท แต่ละประเภทมีคุณสมบัติและการใช้งานที่เฉพาะเจาะจง ดังนี้:

  • โพลีโพรพิลีน (PP)
    • คุณสมบัติ: ทนต่อสารเคมี, ยืดหยุ่น, น้ำหนักเบา
    • การใช้งาน: บรรจุภัณฑ์, ท่อ, อุปกรณ์การแพทย์
  • โพลีฟีนิลีนซัลไฟด์ (PPS)
    • คุณสมบัติ: ทนความร้อน, ทนต่อสารเคมี, เสถียรทางมิติ
    • การใช้งาน: ชิ้นส่วนไฟฟ้า, ชิ้นส่วนยานยนต์, อุปกรณ์อุตสาหกรรม
  • โพลีเมทิลเมทาคริเลต (PMMA หรือ อะคริลิก)
    • คุณสมบัติ: ใส, ทนต่อสภาพอากาศ, น้ำหนักเบา
    • การใช้งาน: กระจกหน้าต่าง, ป้ายโฆษณา, อุปกรณ์ทางการแพทย์
  • โพลีอีเทอร์อิมิด (PEI)
    • คุณสมบัติ: ทนความร้อนสูง, ทนต่อสารเคมี, แข็งแรง
    • การใช้งาน: ชิ้นส่วนไฟฟ้า, ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์, ชิ้นส่วนอากาศยาน
  • โพลีไวนิลคลอไรด์ (PVC)
    • คุณสมบัติ: ทนต่อสารเคมี, ทนต่อการกัดกร่อน, ยืดหยุ่น
    • การใช้งาน: ท่อ, วัสดุก่อสร้าง, อุปกรณ์ทางการแพทย์
  • โพลีอะซีตัล (POM หรือ Acetal)
    • คุณสมบัติ: ความแข็งแรงสูง, ทนต่อการสึกหรอ, เสถียรทางมิติ
    • การใช้งาน: เกียร์, ตลับลูกปืน, ชิ้นส่วนเครื่องจักร
  • โพลีคาร์บอเนต (PC)
    • คุณสมบัติ: ใส, ทนต่อแรงกระแทก, ทนต่อความร้อน
    • การใช้งาน: กระจกนิรภัย, อุปกรณ์ไฟฟ้า, เลนส์แว่นตา
  • โพลีเอไมด์ (ไนลอน, PA)
    • คุณสมบัติ: ทนทาน, ยืดหยุ่น, ทนต่อสารเคมี
    • การใช้งาน: เฟือง, แบริ่ง, สายรัด
  • พอลิอีเทอร์อีเทอร์คีโตน (PEEK)
    • คุณสมบัติ: ทนต่อความร้อนสูง, ทนต่อสารเคมี, แข็งแรง
    • การใช้งาน: อุปกรณ์ทางการแพทย์, ชิ้นส่วนอากาศยาน, ชิ้นส่วนยานยนต์
  • โพลีเอสเตอร์ (PET)
    • คุณสมบัติ: แข็งแรง, เสถียรทางมิติ, ทนต่อสารเคมี
    • การใช้งาน: ขวดน้ำ, ฟิล์ม, ชิ้นส่วนไฟฟ้า

แต่ละชนิดมีข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกัน การเลือกใช้ขึ้นอยู่กับความต้องการและเงื่อนไขของการใช้งานแต่ละประเภท

การเลือกใช้พลาสติกวิศวกรรม (Engineering Plastic) ชนิดที่เหมาะสมกับงาน

การเลือกใช้พลาสติกวิศวกรรม (Engineering Plastic) ชนิดที่เหมาะสมกับงานขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ซึ่งควรพิจารณาดังนี้:

  1. ความทนทานต่อแรงดึงและแรงกระแทก: หากต้องการความแข็งแรงและทนต่อแรงกระแทก ควรเลือกใช้ โพลีคาร์บอเนต (PC) หรือ โพลีอะซีตัล (POM)
  2. ความทนทานต่อความร้อน: สำหรับงานที่ต้องทนทานต่ออุณหภูมิสูง ควรเลือกใช้ พอลิอีเทอร์อีเทอร์คีโตน (PEEK) หรือ โพลีฟีนิลีนซัลไฟด์ (PPS)
  3. ความทนทานต่อสารเคมี: หากต้องการความทนทานต่อสารเคมี ควรเลือกใช้ โพลีโพรพิลีน (PP), โพลีเอสเตอร์ (PET) หรือ โพลีไวนิลคลอไรด์ (PVC)
  4. ความเสถียรทางมิติ: สำหรับงานที่ต้องการความเสถียรทางมิติสูง ควรเลือกใช้ โพลีอะซีตัล (POM) หรือ โพลีฟีนิลีนซัลไฟด์ (PPS)
  5. การทนต่อการสึกหรอ: สำหรับงานที่มีการเคลื่อนไหวหรือเสียดสีบ่อย ควรเลือกใช้ โพลีอะซีตัล (POM) หรือ โพลีเอไมด์ (ไนลอน, PA)
  6. น้ำหนักเบา: หากต้องการลดน้ำหนักของผลิตภัณฑ์ ควรเลือกใช้ โพลีโพรพิลีน (PP) หรือ โพลีเมทิลเมทาคริเลต (PMMA)
  7. การนำไฟฟ้าต่ำ: สำหรับงานที่ต้องการคุณสมบัติเป็นฉนวนไฟฟ้า ควรเลือกใช้ โพลีคาร์บอเนต (PC) หรือ โพลีเมทิลเมทาคริเลต (PMMA)
  8. ความใสและความโปร่งแสง: หากต้องการวัสดุที่มีความใส ควรเลือกใช้ โพลีเมทิลเมทาคริเลต (PMMA) หรือ โพลีคาร์บอเนต (PC)
  9. ความสามารถในการขึ้นรูป: สำหรับงานที่ต้องการรูปทรงซับซ้อน ควรเลือกใช้ โพลีเอไมด์ (ไนลอน, PA) หรือ โพลีอะซีตัล (POM)

การเลือกที่เหมาะสมกับงานต้องพิจารณาตามลักษณะและความต้องการของงานเฉพาะด้าน เพื่อให้ได้วัสดุที่ตรงกับการใช้งานและมีประสิทธิภาพสูงสุดในการใช้งานนั้นๆ

ตัวอย่าง พลาสติกวิศวกรรม

ตัวอย่างการใช้งาน พลาสติกวิศวกรรม (Engineering Plastic)

โพลีอะซีตัล (POM หรือ Acetal)

  • การใช้งาน: เกียร์, ตลับลูกปืน, ลูกล้อ, ชิ้นส่วนเครื่องจักรกลที่ต้องการความแม่นยำและทนทานต่อการสึกหรอ

โพลีคาร์บอเนต (PC)

  • การใช้งาน: กระจกนิรภัย, หน้ากากกันกระสุน, เลนส์แว่นตา, ชิ้นส่วนไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์, อุปกรณ์ทางการแพทย์

โพลีเอไมด์ (ไนลอน, PA)

  • การใช้งาน: เฟือง, แบริ่ง, สายรัด, ท่อร้อยสายไฟ, ชิ้นส่วนยานยนต์, ส่วนประกอบเครื่องจักรกล

พอลิอีเทอร์อีเทอร์คีโตน (PEEK)

  • การใช้งาน: อุปกรณ์ทางการแพทย์ (เช่น อุปกรณ์ผ่าตัด), ชิ้นส่วนอากาศยาน, ชิ้นส่วนยานยนต์, ส่วนประกอบในอุตสาหกรรมเคมี

การใช้งานของพลาสติกวิศวกรรมแตกต่างกันไปตามคุณสมบัติที่เฉพาะเจาะจงของแต่ละประเภท โดยมีเป้าหมายเพื่อให้เหมาะสมกับการใช้งานในอุตสาหกรรมต่าง ๆ และสามารถตอบสนองความต้องการที่หลากหลายของผู้ใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

สรุป

พลาสติกวิศวกรรม (Engineering Plastic) มีหลากหลายชนิด และคุณสมับัติแต่ละชนิดแตกต่างกันไป ใช้ได้ทั้งงานทั่วไปจนไปถึงงานอุตสาหกรรม การเลือกใช้งานควรเลือกคุณบัติใช้งานตามความเหมาะสมกับงาน

ตัวอย่างโครงการและอุตสาหกรรม

ตัวอย่างอุตสาหกรรมโครงการ ที่เลือกพลาสติกวิศวกรรม ด้วยมาตรฐานที่แข็งแรงทนทาน เพิ่มความสะดวกให้กับอุตสาหกรรม

  • ชิ้นส่วนยานยนต์
  • อุปกรณ์ทางการแพทย์
  • หน้ากากกันกระสุน
  • ชิ้นส่วนเครื่องจักรกล